ระบบประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
Cloud Computing คือ บริการทางอินเตอร์เน็ตที่เป็นแบบการรวบรวมทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นมาเชื่อมโยงไว้ด้วยกัน โดยมีการทำงานสอดประสานกันแบบรวมศูนย์ โดยผู้จัดสรรทรัพยากรนั้นเรียกว่า third-party Provider หรือผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 มีหน้าที่รวบรวมพื้นฐานต่างๆที่จำเป็นเข้าไว้ด้วยกันการใช้ทรัพยาการคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และระบบสารสนเทศแบบเสมือนจริง Cloud Computing จะทำงานโดยเมื่อผู้ขอใช้บริการต้องการใช้สิ่งใดก็ส่งร้องขอไปยังซอฟแวร์ระบบ แล้วซอฟแวร์ระบบก็จะร้องขอไประบบเพื่อจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้ขอใช้บริการต่อไป โดยผู้ขอใช้บริการมีหน้าที่เสียค่าใช้บริการเพื่อความสามารถในการทำงานตามต้องการโดยไม่ต้องทราบหรือเข้าใจหลักการทำงานเบื้องหลัง
จากรูปเป็นการแสดงหลักการทำงาน โดยจะเห็นได้ว่าแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ client กับ server ซึ่งจะเห็นได้ว่าทางฝั่งของ client จะมีแค่คอมพิวเตอร์ คือ client แค่มี web browser เพื่อเปิดเรียกใช้การทำงานก็เพียงพอแล้ว ส่วน server ก็ทำหน้าที่ประมวลผลต่างๆให้ผู้ขอใช้บริการ
1. ช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย และช่วยประหยัดเวลาเพิ่มมากขึ้น
2. ลดต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษา เช่น ค่าไฟฟ้า เนื่องจากค่าบริการได้รวมค่าใช้จ่ายตามที่ใช้งานจริง
3. ประหยัดการลงทุนเรื่องทรัพยากรคอมพิวเตอร์ และเครื่อง Server
4. สามารถสร้างระบบใหม่ขึ้นมาใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องมีระยะเวลาการ ออกแบบระบบ สั่งซื้อฮาร์แวร์ และติดตั้งฮาร์ดแวร์
5. เปิดโอกาสกิจการขนาดเล็กสามารถใช้ประสิทธิภาพของการทำงานบนระบบที่มีประสิทธิภาพสูง
ข้อเสียของระบบ
Cloud Computing
1. ถ้าใช้ระบบของ Cloud จำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
2. อาจจะต้องปรับปรุงโปรแกรมเพิ่มเติม
เพื่อให้รองรับการทำงานในขณะที่ ระบบอินเตอร์เน็ตใช้งานไม่ได้โดยต้องเก็บข้อมูลไว้
แล้วส่งขึ้นไปเมื่ออินเตอร์เน็ตใช้ได้
3. แอพลิเคชั่น หรือ
ซอฟต์แวร์ที่จะนำมาติดตั้งอยู่บนระบบของผู้ให้บริการ Cloud computing ต้องไม่มีข้อจำกัดในการใช้งานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
4. เรื่องของกฎหมาย
พ.ร.บ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ไม่สอดคล้องกับการให้บริการ Cloud Computing ในปัจจุบัน
ที่มา https://sites.google.com/site/korwten/home/hhhkkk